มอก. 1287-2538 ที่กระทรวงอุตสาหกรรมออกมานั้นได้กำหนดค่ามาตรฐานเพื่อกำหนดคุณภาพน้ำที่ใช้ในห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ (water for analytical laboratory use) ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชั้นคุณภาพดังนี้
-
ชั้นคุณภาพ 1
เป็นน้ำที่ปราศจากการปนเปื้อนของไอออนที่ละลายได้ หรือ colloidal ionic และสารอินทรีย์ เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ที่ต้องการความแม่นยำและสมรรถนะสูง (the most stringent analytical and high performance liquid chromatography) ผลิตจากน้ำชั้นคุณภาพ 2 โดยภาพกระบวนการ Reverse Osmosis และ Deionization แล้วกรองผ่านเยื่อที่มีรู 0.2 μm หรือ กลั่นซ้ำด้วยเครื่องมือที่ทำด้วยแก้วทั้งหมด -
ชั้นคุณภาพ 2
เป็นน้ำที่มีการปนเปื้อนของสารอนินทรีย์ สารอินทรีย์ และสารคอลลอยด์จำนวนน้อยมาก เหมาะสำหรับการทดลองที่ต้องการประสิทธิภาพสูง (sensitive analytical purpose) อะตอมมิกแอบซอร์พชันสเปกโทรมิเตอร์ (Atomic Absorption Spectrometer) และการหาปริมาณส่วนประกอบของสารที่มีปริมาณน้อยมาก ผลิตได้จากการกลั่นหลายๆครั้ง Deionization หรือ Reverse Osmosis แล้วกลั่นอีกครั้งหนึ่ง -
ชั้นคุณภาพ 3
เป็นน้ำที่เหมาะสำหรับใช้ในการวิเคราะห์ทางเคมีในห้อง lab และใช้ในการเตรียมสารละลาย ผลิตจากการกลั่นเพียงครั้งเดียว Deionization หรือ Reverse Osmosis เหมาะสำหรับงานวิเคราะห์ทั่วไป
หมายเหตุ
- น้ำที่ใช้ในห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ มีความบริสุทธิ์เสามารถดื่มได้ หากน้ำที่ใช้สำหรับการผลิตมีสารเจือปนมาก ให้กำจัดสารปนเปื้อนนั้นก่อน
- คุณลัษณะของน้ำสำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการวิเคราะห์นั้นต้อง ใส ไม่มีสี น้ำกลั่นสีชมพูที่ขายตามท้องตลาดนั้น มีสารเจือปนสูง จึงไม่เหมาะสำหรับงานทดลองและไม่สามารถดื่มได
- ในระหว่างการเก็บและบรรจุ หากภาชนะมีการรั่วซึม น้ำจะเกิดการดูดซึมคาร์บอนไดออกไซต์ในบรรยากาศ ทำให้น้ำเป็นกรดและอาจจะกัดกร่อนภาชนะที่เป็นโลหะได้ การบรรจุน้ำเพื่อการทดลองควรเลือกภาชนะที่เหมาะสมกับแต่ละชั้นคุณภาพของน้ำ และไม่ควรทิ้งน้ำกลั่นในภาชนะอาจกัดกร่อนโลหะเช่น เตารีด หรืออุปกรณ์ที่มีหัวฉีดเป็นโลหะ
ท่านสามารถส่งตัวอย่างน้ำกลั่นไปยัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำตามมาตรฐานมอก. ได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง http://onestop.most.go.th/mstq/web/testing/idcat/64/standard/1592